12 อันดับ โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อไหนดี ปี 2024

 

12 อันดับ โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อไหนดี ปี 2024





สเปคสุดคุ้ม รุ่นไหนดี ที่ควรมีในปี 2024


1. Apple MacBook Air M2 (2022)


แล็ปท็อปที่ดีที่สุด คุ้มค่าคุ้มราคา

หน้าจอ: 13.6 นิ้ว 2560×1664 | CPU: Apple M2 | GPU: 8-core หรือ 10-core | RAM: 8 – 24GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 2TB SSD | น้ำหนัก: 2.7 ปอนด์

MacBook Air M2 รุ่นใหม่รุ่นนี้นั้นดีมากจนสามารถขึ้นมาครองอันดับ 1 ในลิสต์สุดยอดแล็ปท็อปที่ดีที่สุดของเรา นั่นเพราะรุ่นนี้นั้นมีทุกอย่างที่คุณต้องการจากการซื้อแล็ปท็อปดีดีสักเครื่อง ทั้งประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม จอแสดงผลสุดแจ่ม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกแบบมาได้พอเหมาะพอเจาะในดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยวด้วย

เราประทับใจที่ MacBook Air M2 รุ่นนี้เล็กลงถึง 20% (เมื่อนับตามปริมาตรรวม) หนาเพียง 0.44 นิ้ว และค่อนข้างเบาทีเดียวเพียง 2.7 ปอนด์ ชิป M2 ที่คอยขับเคลื่อนอยู่ภายในยังทำงานได้เหนือกว่าแล็ปท็อป Windows ส่วนใหญ่ด้วย เรื่องมัลติทาสกิ้งหรือการทำงานหลายอย่างพร้อมกันก็คือที่สุด ทั้งนี้ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องทำงานด้านกราฟิกที่มากกว่าคนปกติก็สามารถอัปเกรดเป็น GPU 10-core ได้

นอกจากนี้เรายังชอบจอแสดงผลที่สว่างมากจนจัดว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีกับ MacBook Pro M2 ได้เลย ขนาดหน้าจอยังใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน กลายเป็น 13.6 นิ้ว แต่ขอบจอกลับสามารถบางลงได้ด้วย ส่วนไฮไลท์อื่น ๆ ที่น่าสนใจก็เช่น เว็บแคมความละเอียด 1080p ที่คมชัด สามารถชาร์จแบบ MagSafe ได้ และมีสีให้เลือกด้วยกัน 4 สี

จากการทดสอบเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ของเรา (ทดสอบด้วยการท่องเว็บแบบต่อเนื่อง) MacBook Air M2 สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 14 ชั่วโมง รุ่นนี้จึงน่าจะใช้งานได้เกือบทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว สิ่งเดียวที่เราไม่ชอบคือรอยบากที่ยังค่อนข้างเกะกะสายตาและรองรับจอแสดงผลภายนอกเพียงจอเดียว

อ่านรีวิวฉบับเต็มของ Apple MacBook Air M2 (2022)

จุดเด่นของรุ่นนี้ชิป M2 ประสิทธิภาพสูง
หน้าจอที่ทั้งสว่างและใหญ่ขึ้น
เว็บแคมความละเอียด 1080p
ความจุแบตเตอรี่

จุดด้อยของรุ่นนี้รอยบากที่เกะกะสายตา
รองรับจอภายนอกเพียงจอเดียวเท่านั้น




2. Dell XPS 15 OLED


โน๊ตบุ๊คสำหรับใช้ที่บ้าน

จอแสดงผล: 15.6 นิ้ว; 3.5K | CPU: 11th Gen Intel Core | i7 | GPU: Nvidia GeForce RTX 3050 Ti | RAM: 16 GB | ความจุ: 512 GB SSD |
น้ำหนัก: 4.2 ปอนด์

Dell XPS 15 เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คขวัญใจของพวกเรา เพราะมันทรงพลัง พกพาสะดวก และตัวเครื่องสวยน่ามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราชอบหน้าจอ 15.6 นิ้ว แบบ InfinityEdge นอกจากนี้ XPS 15 ยังได้รับการปรับปรุงด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด เช่น คีย์แคปที่ใหญ่ขึ้น และทัชแพดที่ตอบสนองได้ดี ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 60%

อีกอย่าง ในปี 2021 Dell เริ่มออกตัวเลือก XPS 15 ที่มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน 3.5K OLED ถ้าคุณสามารถจ่ายเพิ่มได้สัก 30,000 – 40,000 บาท มันจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะ OLED ให้สีดำที่ดำสนิท สีอื่นก็มีสีสันสดใส และความคมชัดสูงจะยิ่งโดดเด่นเมื่อรวมกับดีไซน์ InfinityEdge ของ XPS 15

ข้อดีของรุ่นนี้จอแสดงผล OLED 3.5K น่าประทับใจ พร้อมภาพที่คมชัด
ประสิทธิภาพน่าประทับใจ
คีย์บอร์ดใหญ่ และใช้สบาย
เครื่องบางเฉียบยังดูดีอยู่

ข้อเสียของรุ่นนี้แบตเตอรี่ทำให้ผิดหวัง
เว็บแคม 720p ให้ภาพไม่ชัดและสีซีด



3. Asus Zenbook 13 OLED


โน๊ตบุ๊คของดีราคาถูก

จอแสดงผล: 13.3 นิ้ว 1080p OLED | CPU: AMD Ryzen 7 5700U | GPU: Integrated Radeon graphics | RAM: 8 GB | ความจุ: 512 GB | น้ำหนัก: 2.5 ปอนด์

Asus Zenbook 13 OLED ที่ใช้ AMD เป็นรุ่นที่คุ้มค่า สะดุดตาด้วยความละเอียดหน้าจอ 1080p OLED อายุแบตเตอรี่ที่เพียงพอในเครื่องบาง น้ำหนักเบากับราคาไม่ถึง 30,000 บาท

เราพบว่าลำโพงเสียงไม่ได้ดีมาก กล้องเว็บแคมที่มากับเครื่องให้ภาพไม่ชัดนัก และไม่มีที่เสียบหูฟัง แต่ก็เป็นปัญหาที่มีวิธีแก้ไขได้ ถ้าคุณอยากได้เครื่องที่เร็วและพกพาสะดวกกับหน้าจอสวย ๆ ที่แบตเตอรี่จะอยู่ได้ทั้งวัน คุณหารุ่นที่ดีกว่า Asus Zenbook 13 รุ่นจอ OLED ไม่ได้อีกแล้วในราคานี้

ข้อดีของรุ่นนี้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
จอแสดงผล 1080p OLED ที่สวยงาม
ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม

ข้อเสียของรุ่นนี้คุณภาพเสียงปานกลาง
กล้องเว็บแคมไม่ชัด
ไม่มีช่องเสียบหูฟัง


4. HP Spectre x360 14


แล็ปท็อป 2 in 1 สายธุรกิจที่ดีที่สุด

หน้าจอ: 14 นิ้ว (1920 x 1280) FHD (รุ่นที่เราใช้รีวิว) หรือ 3000 x 2000 OLED touchscreen | CPU: Intel Core i7-1165G7 | GPU: Intel Iris Xe integrated graphics | RAM: 8GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 512GB SSD | น้ำหนัก: 2.95 ปอนด์

HP Spectre x360 14 แล็ปท็อปตัวแรงสำหรับใช้งานแบบธุรกิจ ภายในบรรจุด้วยฮาร์ดแวร์ระดับสูงให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือใช้เพื่อความบันเทิง มาใน 3 สี คือ สีเงิน สีดำ และสีกรมท่า ดีไซน์สวยบางเฉียบเพียง 0.67 นิ้ว ทั้งหมดนี้ทำให้ HP Spectre x360 เป็น 1 ในแล็ปท็อป 2 in 1 ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะซื้อมาเพื่อใช้พกพาออกไปทำงานหรือแค่ต้องการอัปเกรดแล็ปท็อปที่ใช้ที่บ้านก็เหมาะเจาะ ยากจะหารุ่นอื่นมาเทียบได้

ต้องบอกว่าแล็ปท็อปรุ่นนี้มาในราคาสูงลิ่ว แต่ก็ต้องยอมให้ เพราะชิ้นส่วนต่าง ๆ นั้นดูดี คุณภาพสูง ตัวเครื่องยังบางและทนทานด้วย Spectre x360 จึงคุ้มค่าสมราคา แถมยังมาพร้อมกับ MPP2.0 Tilt Pen แบบชาร์จได้ เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องใช้ปากกาออกแบบงานศิลป์ หรือใครก็ได้ที่รักการขีดเขียนหรือจดประชุมด้วยลายมือมากกว่าการพิมพ์

จุดเด่นของรุ่นนี้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม
หน้าจอยอดเยี่ยม
หน้าจอสัมผัสและปากกาที่ใช้งานง่าย
พกพาสะดวก

จุดด้อยของรุ่นนี้ราคาแรงมาก
พอร์ตน้อยกว่ารุ่นที่ราคาถูกกว่านี้
ไม่มีคีย์บอร์ดตัวเลข
การเขียนด้วยปากกายังไม่สะดวกเท่าไหร่สำหรับคนที่ถนัดซ้าย


5. Apple MacBook Pro M2 (13 นิ้ว)



แล็ปท็อปที่ทำงานได้เร็วที่สุด

หน้าจอ: 13.3 นิ้ว (2560 x 1600) | หน่วยประมวลผล: Apple M2 (8-core) | กราฟิก: Integrated 8-core M2 | GPU: Integrated 10-core | ความจำ: 8 – 24GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 2TB | น้ำหนัก: 3 ปอนด์

MacBook Pro 2022 ขนาด 13 นิ้ว (ราคาเริ่มต้น 46,900 บาท) คือแล็ปท็อปจาก Apple เครื่องแรกที่ออกวางจำหน่ายด้วยชิป M2 แม้ว่าดีไซน์ภายนอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ Apple สัญญาว่าในด้านประสิทธิภาพมันจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะต้องรีทัชรูปถ่าย ตัดต่อวิดีโอ หรือจะต้องใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันก็ตาม

จากการทดสอบของเรา ชิป M2 มอบประสิทธิภาพที่สามารถเอาชนะแล็ปท็อป Windows ของคู่แข่งได้ขาด ชิป M2 ยังเอาชนะชิป M1 ได้เยอะมากด้วย นอกจากนี้ MacBook Pro 2022 ยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เรียกว่ายาวนานที่สุดที่เราเคยทดสอบมาเลย โดยอยู่ได้มากกว่า 18 ชั่วโมง

แม้ว่าซิปเซ็ตของรุ่นนี้จะเป็นของใหม่ แต่เรื่องดีไซน์ยังเหมือนเดิมเป๊ะ (ซึ่งก็เหมือนเดิมมานานหลายปีแล้ว) โดยมีหน้าตาเหมือนเดิม พอร์ตเท่าเดิม หน้าจอเหมือนเดิม และเว็บแคมก็ยังเหมือนเดิม ในขณะที่ MacBook Air 2022 รุ่นใหม่กลับมีจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบจอที่บางลง เว็บแคมเพิ่มเป็น 1080p แถมตัวเครื่องยังบางเบากว่าเดิม

หลายคนคิดว่า MacBook Pro รุ่นใหม่ไม่ค่อยจะคุ้มค่าคุ้มราคาเท่าไหร่ น่าจะไปโดน MacBook Air มากกว่า ซึ่งสำหรับเรา เราคิดว่าก็จริงในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงกับจะเชียร์ให้เลิกซื้อรุ่นนี้กันเถอะ เพราะสำหรับผู้ใช้งานระดับโปร MacBook Pro 2022 รุ่นนี้ ก็ยังเป็น 1 ในแล็ปท็อปที่ดีที่สุดเสมอ

จุดเด่นของรุ่นนี้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำงานรวดเร็ว
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
หน้าจอคมชัดสีสันสดใส
แป้นพิมพ์ที่สบายมือ

จุดด้อยของรุ่นนี้ดีไซน์เหมือนเดิม
เว็บแคมความละเอียด 720p
พอร์ตน้อย



6. Dell XPS 13 Plus



แล็ปท็อปวินโดว์ ขนาด 13 นิ้ว แบบน้ำหนักเบาที่ดีที่สุด

หน้าจอ: 13.4 นิ้ว (3456 x 2160) OLED touch (รุ่นที่เราใช้รีวิว) | CPU: Core i7-1280P เจนเนอเรชั่น 12 | GPU: Intel Iris Xe | RAM: 16GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB SSD | น้ำหนัก: 2.77 ปอนด์

ถ้าดูแค่ชื่อ คุณอาจคิดว่า Dell XPS 13 Plus ก็คือแล็ปท็อปรุ่นไอคอนิคของ Dell ในเวอร์ชันที่ใหญ่ขึ้น แต่ที่จริงกลับตรงกันข้าม และรุ่นนี้ยังเป็นแล็ปท็อปสุดเรียบง่ายจาก Dell

ความเรียบง่ายนี้ยังหมายถึงการที่รุ่นนี้มีพอร์ตเพียง 2 พอร์ต ไม่มีช่องเสียบหูฟัง ปุ่มฟังก์ชันไม่ได้มาในรูปแบบของปุ่มแต่ถูกเปลี่ยนเป็นแถบไฟ LED ระบบสัมผัสแทน (capacitive row) ไม่มีแม้แต่เส้นบนทัชแพด ดังนั้นพื้นที่ของแล็ปท็อปที่ต่อลงไปจากแป้นพิมพ์จึงกลายเป็นกระจกเรียบ ๆ เพียงชิ้นเดียว

XPS 13 Plus ไม่ได้มีดีแค่การออกแบบเท่านั้น แต่ Dell ยังให้โปรเซสเซอร์ Core i7 เจนเนอเรชั่นที่ 12 ขนาด 28W มาด้วย แถมยังมีน้ำหนักเพียง 2.7 ปอนด์ จากการทดสอบประสิทธิภาพของเราพบว่า ในการทดสอบบางอย่าง XPS 13 Plus กลับมีประสิทธิภาพเหนือกว่า MacBook Pro M2 ด้วยซ้ำ

เรื่องที่เราต้องติใน Dell XPS 13 Plus ก็คือ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้น แถวฟังก์ชัน capacitive ที่ทำงานไม่ราบรื่น และเมื่อเครื่องกำลังทำงานอย่างเต็มกำลังจะทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ตัวเครื่องเล็กน้อย ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่มักจะเอาคอมมาวางไว้ที่ตักระหว่างนั่งทำงานบนโซฟาก็ต้องมีสะดุ้งกันบ้างล่ะ

จุดเด่นของรุ่นนี้ดีไซน์ที่สวยงาม
หน้าจอ OLED ที่สว่างสีสันสดใส
คีย์บอร์ดที่วางระยะมาได้สบายมือ
ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
เสียงกระหึ่ม

จุดด้อยของรุ่นนี้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างสั้น
ทัชแพดทำงานไวเกินไป
ความร้อนที่ใต้ตัวเครื่อง
แถวฟังก์ชันแบบ Capacitive ยังทำงานไม่ราบรื่น


7. Microsoft Surface Laptop Studio



โน๊ตบุ๊ค Windows 11 ที่ดีที่สุด

จอแสดงผล: 14.4 นิ้ว 120 Hz touchscreen (2400 x 1600 พิกเซล) | CPU: 11th Gen Intel Core i5 | Intel Core i7 | GPU: Intel Iris Xe integrated graphics | Nvidia GeForce RTX 3050 Ti GPU | RAM: 16GB | 32 GB | ความจุ: 256 GB – 1 TB SSD | น้ำหนัก: 3.8 – 4.0 ปอนด์

Microsoft Surface Laptop Studio คือ Surface Book ที่ออกแบบใหม่ให้เหมือน MacBook Pro และจอแสดงผลที่มีบานพับโดดเด่นสะดุดตา นี่เป็นอุปกรณ์รุ่นเรือธงของ Microsoft สำหรับ Windows 11 ทางแบรนด์สัญญาว่า Windows นี้จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ทำให้ทั้งการทำงานและการเล่นสนุกดีขึ้น

ซีพียู Intel CPU 11th Gen และ RAM ขนาด 16 GB ช่วยให้เครื่องมีประสิทธิภาพมากพอที่จะรับมือกับงานส่วนใหญ่ และหากคุณจะจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อรุ่นที่มีการ์ดจอแยก Nvidia GeForce RTX 3050 Ti GPU คุณจะได้ Surface Laptop Studio ที่เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับการเล่นเกม หรือตัดต่อวิดีโอแบบพกพาได้ด้วย

แต่จะว่าไป รุ่นนี้ค่อนข้างแพง และถึงจะมีส่วนประกอบที่ยอดเยี่ยม แต่ Surface Laptop Studio มีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับเครื่องอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่ก็มีโน๊ตบุ๊คแค่ไม่กี่เครื่องที่มีจอแสดงผลบานพับแบบเลื่อนได้ ซึ่งสามารถตั้งเหนือคีย์บอร์ดเป็นเหมือนขาตั้งได้ หรือสไลด์จนสุดเพื่อทำให้ Microsoft Surface Laptop Studio กลายเป็นแท็บเล็ตแรง ๆ เครื่องหนึ่ง

ข้อดีของรุ่นนี้ลำโพงเสียงดี
จอภาพสว่างสดใส
ปากกา Slim Pen 2 ทำงานได้ดี
อายุการใช้งานแบตเตอรี่อยู่ได้นาน

ข้อเสียของรุ่นนี้ประสิทธิภาพน่าจะดีกว่านี้
พอร์ตมีน้อยและไม่สะดวก



8. Apple MacBook Pro M1 14 นิ้ว (2021)



โน๊ตบุ๊คสำหรับตัดต่อภาพ

จอแสดงผล: 14.2 นิ้ว : 3024×1964 พิกเซล | CPU: Apple M1 Pro หรือ Max with 10-core CPU | GPU: 16-core ถึง 32-core integrated GPU | RAM: 16GB – 64GB | ความจุ: 512GB to 8TB SSD | น้ำหนัก: 3.5 ปอนด์

เมื่อได้เห็นจอภาพ Liquid Retina XDR ใน MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว อาจทำให้อดใจซื้อไม่ได้เลยทีเดียว เพราะ Apple ได้ทำให้หน้าจอ LED ขนาดเล็กนี้ทั้งคมชัดและความสว่างมากขึ้น

แต่นั่นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่น่าสนใจ เนื่องจากชิปเซ็ต M1 Pro ใหม่นั้นให้ความเร็วและช่วยให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ MacBook Pro รุ่นปี 2021 ไม่เพียงแต่จะเด่นเรื่องความรวดเร็วและจอแสดงผลที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังดีงามในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ Apple ได้ใส่ใจพัฒนามาตลอด

Apple นำพอร์ตแบบเก่าที่เราอยากได้กลับมาไว้ใน Pro อีกครั้ง เพื่อทุกคนที่เบื่อกับการต้องพกอะแดปเตอร์ USB-C ไปไหนมาไหนด้วย นั่นแปลว่าจะมีพอร์ต HDMI และที่อ่านการ์ด SD เพื่อให้สามารถต่อจอแยก หรืออยากใช้หน่วยความจำภายนอก

แม้การชาร์จ MagSafe จะกลับมา แต่ช่องชาร์จแบบ USB-C ก็จะยังมีอยู่ ขณะที่ Touch Bar (แถบทัชสกรีนเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือคีย์บอร์ด) จะหายไป มันถูกแทนที่ด้วยปุ่มฟังก์ชันแบบเต็ม (F1-F12) ซึ่งเราก็ดีใจที่มันกลับมา

Apple ยังอัพเกรดความละเอียดกล้องเว็บแคมที่มากับเครื่องเป็น 1080p (จาก 720p) เนื่องจากเราทุกคนต้องใช้เวลาในการประชุมทางวิดีโอมากกว่าที่เคย เมื่อรวมกับจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยม ไมโครโฟนในตัว และเซ็ตลำโพง 6 ตัวที่ให้เสียงที่โดดเด่น MacBook Pro ตัวใหม่มีทุกอย่างครบครันทั้งรูปทรงสวยงามและคุณภาพเสียงที่ดีกว่าที่เคย

อ่านเพิ่มเติมที่ รีวิว MacBook Pro 14 นิ้ว

ข้อดีของรุ่นนี้เครื่องเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
หน้าจอ mini-LED
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน

ข้อเสียของรุ่นนี้ไม่มีพอร์ต USB-A


9. Acer Swift 5 (2022)



แล็ปท็อปวินโดว์ ขนาด 1600p ที่ดีที่สุด

หน้าจอ: 14 นิ้ว WQXGA (2560 x 1600) touchscreen | CPU: Intel Core i7-1260P | GPU: Intel Iris Xe graphics | RAM: 16GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 1TB SSD | น้ำหนัก: 2.65 ปอนด์

Acer Swift 5 (2022) มาในดีไซน์ใหม่พร้อมขอบสีทองสุดหรูหรา พร้อมชิป Intel Core i7 เจนเนอเรชั่น 12 อันทรงพลัง จอแสดงผล 1600p ที่งดงาม และ SSD ออนบอร์ด 1TB ที่ทำให้รุ่นนี้ทำงานได้รวดเร็วจนน่าตกใจ นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Dell XPS 13 ด้วย และแม้รุ่นนี้จะยังมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ Acer Swift 5 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าโดนมาก เพราะมาในราคาเพียง 45,990 บาท

ไม่ว่าคุณจะซื้อแล็ปท็อปมาใช้ทำงานอะไร รุ่นนี้เอาอยู่ ยกเว้นคนที่ต้องการซื้อมาเพื่อเล่นเกมอย่างจริงจัง ลำโพงและแอปฟรีที่ติดมากับเครื่องก็ยังไม่ค่อยดีนัก ทั้งนี้จอแสดงผล 16:10 1600p และพลังของชิป Core i7 ของ Intel ก็ทำให้แล็ปท็อปของวินโดว์รุ่นนี้ทำงานได้ยอดเยี่ยม เหมาะมากกับการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่

จุดเด่นของรุ่นนี้ดีไซน์หรูหราอลังการ
หน้าจอสวยงาม
ประสิทธิภาพการทำงานสูง
SSD ความเร็วสูงมาก

จุดด้อยของรุ่นนี้แอปที่ติดมากับเครื่องเยอะเกินไป
ลำโพงยังเฉย ๆ


10. Microsoft Surface Pro 9



แล็ปท็อปวินโดว์ 11 แบบ 2 in 1 ที่ยอดเยี่ยม

หน้าจอ: 13 นิ้ว (2880 x 1920) touchscreen | CPU: Intel Evo 12th Gen Core i7 (รุ่นที่เราทดสอบ) | GPU: Intel Iris Xe Graphics | RAM: 8GB, 16GB, 32GB | พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB, 1TB (เพิ่ม SSD ได้ 128GB หรือ 256GB) | น้ำหนัก: 1.94 ปอนด์

Microsoft Surface Pro 9 ได้อัปเกรด CPU ขึ้นมาบ้าง แต่เรื่องอื่นแทบจะเหมือนกับ Microsoft Surface Pro 8 ที่เราได้รีวิวไปเมื่อปีที่แล้ว คือเราไม่ติดกับสเปกที่เหมือนเดิม แต่ก็แค่คาดหวังว่าอุส่าออกแล็ปท็อปวินโดว์ 11 แบบ 2-in-1 รุ่นเรือธงทั้งที ก็ควรจะมีอะไรใหม่ ๆ ที่ดึงดูดใจมากกว่านี้หน่อย

แต่ก็ไม่ใช่ว่า Microsoft Surface Pro 9 จะไม่ดีอะไรตรงไหน เพราะมันมีประสิทธิภาพสูง สามารถจัดการกับงานทั่ว ๆ ไปได้ดี หน้าจองามเหมาะกับการดูหนังดูวิดีโอ น้ำหนักก็เบาพกพาสะดวก เรียกว่าแม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น แต่ก็มีประสิทธิภาพสูง ทำงานได้ดีตามสไตล์ Surface Pro

จุดเด่นของรุ่นนี้ดีไซน์บางเบา
หน้าจอสัมผัสทำงานได้ดีเยี่ยม
ทำงานได้ดีทั้งในโหมดแล็ปท็อปและแท็บเล็ต

จุดด้อยของรุ่นนี้จอแสดงผลธรรมดาไปหน่อย
ดีไซน์หลายอย่างยังเหมือนเดิม
ต้องซื้อ Slim Pen 2 และคีย์บอร์ด Signature เพิ่มเอง


11. Microsoft Surface Laptop 4



โน๊ตบุ๊คสำหรับสร้างผลงาน

จอแสดงผล: 13.5 นิ้ว 2256 x 1504 touchscreen | CPU: 11-Gen Intel Core i5/i7 | Ryzen 5/7 4000-series | GPU: Integrated Intel Iris Xe or Radeon graphics | RAM: 8GB – 32GB | ความจุ: 256GB – 1TB SSD | น้ำหนัก: 2.79 ปอนด์

Microsoft Surface Laptop 4 เป็นรุ่นที่ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊ค Windows รุ่นเรือธงมากที่สุด Surface Laptop รุ่นปี 2021 นี้ได้บรรจุส่วนประกอบคุณภาพระดับพรีเมียมลงในตัวเครื่องที่บางเฉียบ และให้มาพร้อมกับ Windows 10 ที่ไม่มี bloatware ติดมาด้วย

หากคุณกำลังมองหาแล็ปท็อป Windows ระดับพรีเมียมที่ทำงานได้จากทุกที่ Microsoft Surface Laptop 4 คือคำตอบของคุณ มันมีคีย์บอร์ดที่ใช้งานได้สบายมือ ด้วยปุ่มกดขนาดพอเหมาะ น่าพอใจ และมีแป้นคีย์บอร์ดแบบหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara ที่ให้สัมผัสนุ่นสบายข้อมือมากกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นโลหะทั่วไป บวกกับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ชั่วโมง และจอภาพอัตราส่วน 3:2 ช่วยให้อ่านและแก้ไขเอกสารได้สบายขึ้น เมื่อตัดสินใจซื้อรุ่นนี้คุณจะได้โน๊ตบุ๊คที่ช่วยให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ทุกที่

ข้อดีของรุ่นนี้เครื่องบางและน้ำหนักเบา
คีย์บอร์ดที่สะดวกสบาย
ลำโพงดีมาก
แบตเตอรี่อยู่ได้นาน

ข้อเสียของรุ่นนี้พอร์ตมีน้อยไป
ขอบหน้าจอหนาเกินไป
เว็บแคมควรจะดีกว่านี้



12. Apple MacBook Pro M1 จอ 16 นิ้ว (2021)



ที่สุดของ MacBook สำหรับงานกราฟิก

จอแสดงผล: 16.2 นิ้ว; 3456×2244 พิกเซล | CPU: M1 Pro (10-core CPU) | M1 Max (10-core CPU) | GPU: Integrated 16-core GPU | RAM: 16GB to 64GB | ความจุ: 512GB to 8TB | น้ำหนัก: 4.7 ปอนด์ (M1 Pro) | 4.8 ปอนด์ (M1 Max)

MacBook หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ตัวใหม่นี้มีความเร็วสูงมาก เพราะได้ชิป M1 Max ซึ่งเพิ่มความสามารถทางกราฟิกให้ Mac ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ที่สำคัญที่สุด การออกแบบใหม่ที่น่าทึ่งช่วยยกระดับจอแสดงผลด้วยขอบจอที่บางกว่าที่เคย ใกล้เคียงกับหน้าจอ InfinityEdge ของ Dell XPS ตัวจอภาพเองก็ดีกว่าที่เคยเป็นด้วยเทคโนโลยี mini-LED และปรับปรุงคุณภาพของภาพที่ดีขึ้นด้วยคอนทราสต์ที่ยอดเยี่ยม และอัตรารีเฟรช 120Hz ช่วยให้ภาพลื่นไหลอย่างยอดเยี่ยม

และนั่นเป็นแค่การเริ่มต้น เพราะ MacBook Pro รุ่นปี 2021 มีการปรับเปลี่ยนพอร์ต รุ่นนี้มีพอร์ต HDMI เพื่อต่อกับจอภาพ และช่องอ่าน SD memory สำหรับมือโปรที่มีกล้องถ่ายรูป พูดได้ว่า Apple เติมความ “pro” กลับคืนไปใน MacBook Pro ได้ดี

อ่านเพิ่มเติมที่ รีวิว MacBook Pro ขนาดจอ 16 นิ้ว

ข้อดีของรุ่นนี้จอแสดงผล Liquid Retina XDR ที่สวยมาก
ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง
ในที่สุดก็มีพอร์ตมากกว่าแค่พอร์ต USB-C

ข้อเสียของรุ่นนี้จอแสดงผลเป็น sub-4K


แหล่งที่มา : 12 อันดับ โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 - Pro Review

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำ iPad รุ่นไหนที่น่าซื้อสุดในปี 2024 พกพาไปไหนง่าย คุ้มราคา

10 มือถือน่าใช้ 2024 รุ่นไหนดี รุ่นฮิต ต้องมีติดตัว